UFABETWIN “สเปอร์ส” ล้างอาย 2 เกมก่อนหน้าบุกขยี้ “พาเลซ” เละเทะ ศึก พรีเมียร์ลีก 2022-2023

UFABETWIN

UFABETWIN หลังจาก 2 เกมก่อนหน้านี้มีทั้งแพ้และเสมอ

UFABETWIN  ส่งผลให้ลูกทีมของ อันโตนิโอ คอนเต กลับมามีไฟที่จะเอาชนะและเหยื่อรายแรกของ คริสตัล พาเลซ ทีมร่วมกรุงลอนดอนนั้นเอง การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2022-23 เกมที่สนาม เซลเฮิร์สท์ พาร์ค คริสตัล พาเลซ เจ้าบ้านอันดับ 12 ของลีก โคจรมาพบกับ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ผู้มาเยือนอันดับ 5 ของลีก

โดยในเกมนี้ ครึ่งแรกแม้เจ้าบ้านจะคุมเกมได้ดีกว่า แต่ก็ไม่สามารถส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้จบเกมครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 ครึ่งหลัง ผู้มาเยือนแก้เกมกลับมาก่อนจะยิงได้ 4 ประตู จาก แฮร์รี เคน ในนาทีที่ 48 และ 53, แมตต์ โดเฮอร์ตี ในนาทีที่ 68 และ ซอน ฮึง-มิน ในาทีที่ 72

จบเกม ทอตแนม ฮอตสเปอร์ บุกมาเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 4-0 เก็บ 3 คะแนนไปได้สำเร็จ ส่งผลให้พวกเขามีเพิ่มเป็น 33 คะแนนตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 4 แค่ 2 คะแนนแต่แข่งมากกว่าอยู่ 1 เกม ส่วน พาเลซ รั้งอันดับ 12 เท่าเดิมมี 22 คะแนน นำหน้าโซนตกชั้นอยู่ 7 คะแนน

โกลแชมป์โลก กลับมาเกมแรกเสียประตูไว “แอสตัน วิลลา” ไล่ตามเจ๊า “หมาป่า” บอล พรีเมียร์ลีก นายทวารแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 กลับมาเป็นตัวจริงหนแรกให้ต้นสังกัดหลังคว้าแชมป์โลก แต่กลับต้องเสียประตูเร็วจนเกือบทำทีมแพ้

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2566 การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2022-23 เกมที่สนาม วิลลา พาร์ก แอสตัน วิลลา เจ้าบ้านทีมอันดับ 12 พบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ทีมอันดับ 19 ของลีก

โดยในเกมนี้ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ผู้รักษาประตูแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ของ แอสตัน วิลลา กลับมาลงตัวจริงในเกมนี้ แต่กลับไม่สามารถเซฟลูกยิงของ ดาเนียล โพรเดนซ์ ได้ ส่งผลให้เสียประตูไปตั้งแต่นาทีที่ 12

ก่อนที่ต้องใช้เวลาอีกนานถึง 66 นาที กว่าเจ้าบ้านจะตามตีเสมอจาก แดนนี อิงส์ ในนาทีที่ 78 จบเกม เสมอกันไป 1-1 ส่งผลให้ แอสตัน วิลลา มี 22 คะแนนหลังผ่าน 18 เกมขยับมารั้งอันดับ 11 ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน มี 14 คะแนนรั้งรองบ๊วยของลีกในเวลานี้

ผ่านไปแล้ว 4 วันสำหรับปี 2023 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (4 ม.ค.66) หลายเกมยิงสนุกสุดเหวี่ยง ส่วนหลายเกมตัดสินกันด้วยประตูไม่กี่ลูก ผ่านไปแล้ว 4 วันสำหรับปี 2023 หลายๆ

UFABETWIN

ทีมทยอยลงแข่งขันเกมที่ 2 ของปี 2023 กันมาแล้ว โดยเป็นอีก 1

คืนที่ยิงกันหลายประตูทั้งๆ ที่มีแข่งขันแค่ 4 สนามเท่านั้น”คีเลียน เอ็มบัปเป” แนะนำน้องชายอีธาน หลังมีโอกาสประเดิมสนามให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ต้องสร้างตัวตนด้วยตัวเอง พร้อมเผยสิ่งที่แตกต่างกัน

วันที่ 6 มกราคม 2566 เดอะมิร์เรอร์ สื่อของประเทศอังกฤษ ได้เผยคำแนะนำของ คีเลียน เอ็มบัปเป ซุปเปอร์สตาร์ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่มีต่อน้องชาย อีธาน เอ็มบัปเป หลังได้ประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 15 ปี

เอ็มบัปเป เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อฝรั่งเศสถึงน้องเมื่อปี 2021 ว่า “ผมบอกเขาว่าใจเย็นๆ แต่เขาเป็นคนใจเย็นอยู่แล้ว เขาแตกต่างจากผมอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ ลักษณะนิสัย รวมถึงการเล่นฟุตบอลของเขา” UFABETWIN

“เขาจะต้องไปตามทางของเขา เขามีบางสิ่งที่ผมไม่มี ในเรื่องความกดดันของชื่อ เขาต้องสร้างชื่อให้ตัวเองด้วยชื่อจริงของเขา ปัญหาคือคนจะคิดว่าเราเหมือนกันเพียงเพราะเราหน้าคล้ายกัน”สำหรับ อีธาน เอ็มบัปเป ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้วในเกมอุ่นเครื่องที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เอาชนะ ปารีส เอฟซี 2-1 โดยลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลัง

UFABETWIN ก่อนเข้าชิงบอลโลก “เมสซี” เผยเบื้องหลังกดจุดโทษเต็มข้อ เกมอาร์เจนฯ ถล่มโครเอเชีย (คลิป)

UFABETWIN

UFABETWIN “ทำการบ้านมาอย่างดี” ลิโอเนล เมสซี เผย 2

UFABETWIN ผู้อยู่เบื้องหลังการตะบันจุดโทษใส่ โครเอเชีย พา อาร์เจนตินา เข้าชิงฟุตบอลโลก 2022 ลิโอเนล เมสซี กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ให้สัมภาษณ์กับ ทีวายซี สปอร์ตส สื่อกีฬาชั้นนำของบ้านเกิด

เกี่ยวกับเบื้องหลังการยิงจุดโทษแบบเต็มข้อ ทำประตูให้ “ฟ้าขาว” ขึ้นนำ ทีมชาติโครเอเชีย 1-0 ในนาทีที่ 34 ก่อนเอาชนะ 3-0 ในฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมนี้

จุดโทษลูกนี้ของ เมสซี ค่อนข้างแตกต่างจากการสังหารครั้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งเน้นการยิงเล่นทาง, หลอกหน้าเท้า หรือดึงจังหวะให้ผู้รักษาประตูล้มตัวไปผิดทาง โดยเทคนิคหลังสุดถือเป็นเทคนิคที่บรรดามือสังหารจุดโทษนิยมใช้กันในระยะหลัง แต่จุดโทษล่าสุดของยอดดาวเตะวัย 35 ปี กลับใช้วิธีซัดเต็มแรง ส่งบอลผ่านมือ โดมินิค ลิวาโควิช ผู้รักษาประตูจอมเซฟจุดโทษของ โครเอเชีย เสยเพดานตาข่ายเข้าไปอย่างเด็ดขาด

ล่าสุด เมสซี เฉลยถึงการยิงจุดโทษแบบเต็มข้อว่า “ผมศึกษาเทคนิคของผู้รักษาประตูโครเอเชีย ร่วมกับ เกโรนิโม รุลลี และดิบู (เอมิเลียโน มาร์ติเนซ) เราคุยกันว่าเขา (ลิวาโควิช) รอนานมากจนกว่าจะพุ่ง วิธีที่ดีที่สุด คือ ทำให้เขาแปลกใจและยิงทันที แทนที่จะรอและดึงจังหวะหลอกเขา หากรอจังหวะนานเกินไปเพื่อหลอกเขา มันจะยากทันที ผมจึงตั้งใจยิงแบบนั้นไปเลย”

ทั้งนี้ เมสซี ที่นำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ร่วมกับ คีเลียน เอ็มบัปเป ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยผลงาน 5 ประตูเท่ากัน มีโอกาสสังหารจุดโทษไปแล้ว 5 ครั้งที่กาตาร์ แบ่งเป็น 4 ครั้งในเกม ทำได้ 3 ประตู และโดนเซฟ 1 ครั้งในรอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่มซี เกมที่ชนะ โปแลนด์ 2-0 ส่วนอีก 1 ครั้งเป็นการดวลจุดโทษตัดสินในรอบ 8 ทีม ซึ่งชนะ เนเธอร์แลนด์ 4-3 หลังเสมอ 2-2 ในเวลา 120 นาที

อาวุธลับแชมป์เก่า “เตโอ” ควง “มัวนี” ทำสถิติอันดับ 3 ฟุตบอลโลก ฝรั่งเศสปราบโมร็อกโก 2 อาวุธลับฝรั่งเศส ทำสถิติที่น่าจดจำหลังซัดคนละ 1 ตุง เกมดับฝัน โมร็อกโก เข้ารอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 ไปเจอ อาร์เจนตินา

UFABETWIN

ออปตา ผู้รวบรวมสถิติชั้นนำของวงการฟุตบอล เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจของ

เตโอ แอร์กน็องเดซ และ ร็องดาล โคโล มัวนี ผู้ทำคนละ 1 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ คู่ที่ 2 ซึ่ง “แชมป์เก่า” ทีมชาติฝรั่งเศส เอาชนะ ทีมชาติโมร็อกโก 2-0 เข้ารอบชิงชนะเลิศไปตัดสินแชมป์กับ ทีมชาติอาร์เจนตินา วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมนี้

ด้าน เตโอ แอร์กน็องเดซ แบ็กซ้ายที่ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 5 กลายเป็นผู้เล่นตำแหน่งกองหลังคนที่ 3 ของ ฝรั่งเศส ที่สามารถยิงประตูและทำแอสซิสต์ได้ในฟุตบอลโลกครั้งเดียวกัน หลังจากทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์ในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี เกมที่ชนะ ออสเตรเลีย 4-1 และชนะ เดนมาร์ก 2-1

ส่วน 2 คนเคยที่ทำได้ก่อน เตโอ แอร์กน็องเดซ คือ มาริอุส เตรซอร์ ในฟุตบอลโลก 1982 จากการทำแอสซิสต์ในรอบแบ่งกลุ่ม รอบ 2 ก่อนยิงประตูในรอบรองชนะเลิศ และ บิเซนเต ลิซาราซู ในฟุตบอลโลก 1998 จากการยิงและแอสซิสต์ในเกมเดียวกัน ซึ่งชนะ ซาอุดีอาระเบีย 4-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม

ขณะที่ ร็องดาล โคโล มัวนี กองหน้าตัวสำรองที่ลงมายิงประตูปิดกล่อง โมร็อกโก 2-0 ในนาทีที่ 79 ก็กลายเป็นตัวสำรองที่ใช้เวลาน้อยที่สุดในการลงสนามแล้วทำประตูได้ เป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก โดยหัวหอกจาก แฟรงค์เฟิร์ต ใช้เวลาเพียง 44 วินาที UFABETWIN

สำหรับ 2 คนที่ใช้เวลาน้อยกว่า ร็องดาล โคโล มัวนี อันดับ 1 เป็น ริชาร์ด โมราเลส กองหน้าอุรุกวัย (16 วินาที) ในเกมเสมอ เซเนกัล 3-3 ฟุตบอลโลก 2002 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่มเอ และอันดับ 2 คือ เอ็บเบ ซานด์ หัวหอกเดนมาร์ก (26 วินาที) ในเกมชนะ ไนจีเรีย 4-1 ฟุตบอลโลก 1998 รอบ 16 ทีม

UFABETWIN เจมส์ เธนส์ : กัปตันไฟลต์โศกนาฏกรรมมิวนิค ความผิดเขาหรือเหยื่อการเมือง ?

UFABETWIN

6 กุมภาพันธ์ 1958 คือวันที่ชีวิตทุกคนบนไฟลต์ 609 ของสายการบินบริติช ยูโรเปียน แอร์เวย์ส รวมถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังแห่งอังกฤษ ได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

มีผู้เสียชีวิตมากถึง 23 คน และผู้รอดชีวิตบางส่วนก็ไม่ได้กลับไปทำงานของตนอีกเลย ทั้งจากผลกระทบทางกายภาพจากโศกนาฏกรรม รวมถึงกรณีของ เจมส์ เธนส์ ผู้ตกเป็นจำเลยสังคมว่าเขาคือ “ฆาตกร” ในเหตุการณ์นี้

เรื่องราวดังกล่าวมีความเป็นมาอย่างไร และสุดท้ายเขาสามารถล้างมลทินให้กับชื่อของตนได้ด้วยวิธีใด Main Stand ขอพาทุกท่านย้อนเวลาไปหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดกัน

เด็กปั้นของบัสบี้

ก่อนจะมาพูดถึงเรื่องราวของกัปตันไฟลต์นี้เราต้องเริ่มจากความสำคัญของนักเตะชุดที่โดยสารไปในเที่ยวบินดังกล่าว เพราะว่ากันว่าขุนพลปีศาจแดงที่อยู่บนในไฟลต์นี้ถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่อาจพาทีมขึ้นไปสู่การเป็น “หมายเลข 1 ของโลก” ได้เลย หากไม่มีเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าวเกิดขึ้น

นั่นเพราะว่าในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยก้าวขึ้นไปสัมผัสการเป็นแชมป์ลีกได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยพวกเขาวนเวียนอยู่ในช่วงกลางตารางของดิวิชั่น 1 หรือจำต้องหล่นลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 มาแล้วหลายคราด้วยกัน

เรื่องราวทั้งหมดได้เปลี่ยนไปเมื่อทีมตัดสินใจดึงตัว แมตต์ บัสบี้ อดีตผู้เล่นของทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมด้วยวัยเพียง 36 ปีเท่านั้น

สิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจนของ บัสบี้ คือเขาไม่เดินตามสูตรสำเร็จในยุคนั้นที่ว่า ถ้าคุณอยากสร้างทีมลุ้นแชมป์ก็แค่เอาเงินไปกว้านซื้อนักเตะมากฝีมือจากทีมอื่นเข้ามา แต่กลับเลือกปั้นเด็กขึ้นมาจากทีมเยาวชนแทน

บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์, เดนนิส ไวโอเล็ต, เลียม วีแลน, และ มาร์ค โจนส์ คือบางส่วนของเหล่าเด็กปั้นของบัสบี้ หรือ บัสบี้ เบ็บส์ ที่นำขุนพลปีศาจแดงกวาดแชมป์ลีกได้ถึง 3 สมัย (1951-52, 1955-56, 1956-57) และยังมีหวังไปได้ไกลถึงขั้นคว้าแชมป์บอลถ้วยยุโรป ด้วยอายุเฉลี่ยของทีมเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น ซึ่งท้าทายความเชื่อในสมัยนั้นที่ว่า นักฟุตบอลควรมีอายุอย่างน้อย 25 ปี เพื่อให้เหมาะสมกับความหนักหน่วงของแมตช์การแข่งขันยุคนั้น

ซึ่งนับตั้งแต่ที่ทางยูฟ่าได้ก่อตั้งการแข่งขันยูโรเปี้ยนคัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปัจจุบัน) ขึ้นมาตั้งแต่ฤดูกาล 1955-56 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือสโมสรแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่ร่วมลงแข่งขันบอลถ้วยยุโรป เพราะ เชลซี ทีมแชมป์ในฤดูกาล 1954-55 ไม่ได้รับอนุญาตจากลีกให้เดินทางไปเตะ ก่อนที่ทางปีศาจแดงจะตัดสินใจแหกกฎดังกล่าว เมื่อพวกเขาคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลถัดมา

แม้ในปีแรกจะไปไม่ถึงดวงดาวด้วยการแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ในรอบรองชนะเลิศ แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้โอกาสกลับมาแก้มืออีกครั้งในฐานะแชมป์ลีกฤดูกาล 1956-57 ซึ่งเมื่อมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปี 1958 ทีมของ บัสบี้ ต่างมีลุ้นทั้งบอลลีกและบอลยุโรป ฤดูกาล 1957-58 ไปพร้อมกัน

ปีศาจแดง มีคะแนนตามหลังทีมจ่าฝูงอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน อยู่เพียงแค่ 6 แต้ม โดยทั้งคู่มีคิวลงเจอกันในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี 1958 นั่นคือ 2 วันหลังจากที่ลูกทีมของ บัสบี้ ต้องบุกไปเยือน เรด สตาร์ เบลเกรด ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่สองของบอลถ้วยยุโรป ซึ่งต้องเดินทางไปไกลราว 1,900 กิโลเมตรด้วยกัน และสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ FA ก็ไม่เลื่อนโปรแกรมการแข่งขันให้เสียด้วย

เพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้าและตัดปัจจัยฟ้าฝนที่ไม่อาจควบคุมได้ สโมสรจึงตัดสินใจเช่าเครื่องบินเหมาลำ เพื่อพานักเตะเดินทางไป-กลับ แมนเชสเตอร์-เบลเกรด ให้ทันกำหนดก่อนลงแข่งขัน พร้อมกับคงสภาพร่ายกายให้สมบูรณ์ได้มากที่สุด

ซึ่งต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าการบินในปี 1958 ไม่ได้มีความปลอดภัยมากเทียบเท่ากับสมัยปัจจุบัน นี่จึงเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างเสี่ยงไม่น้อย

การเดินทางครั้งสุดท้าย

 

UFABETWIN

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ติดต่อเช่าเหมาลำเครื่องบินแอร์สปีดแอมบาสเดอร์ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ใบพัดคู่ของสายการบิน บริติช ยูโรเปียน แอร์เวย์ส พร้อมกับได้สองนักบินอย่าง เจมส์ เธนส์ และ เคนเน็ธ เรย์เมนต์ มานำพาขุมพลปีศาจแดงออกไปลุยศึกฟุตบอลยุโรป

นักบินทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยอยู่ในกองทัพอากาศ ก่อนจะมาร่วมขึ้นบินกันอีกครั้งที่ บริติช ยูโรเปียน แอร์เวย์ส โดย เรย์เมนต์ มีชั่วโมงบินกับเครื่องรุ่นนี้มากถึง 3,143 ชั่วโมง และ เธนส์ เก็บเวลามาได้แล้วมากกว่า 1,722 ชั่วโมงด้วยกัน

เธนส์ เปิดเผยกับ จอห์น โรเบิรต์ส นักเขียนหนังสือว่า “เรยเมนต์ อยากบินเครื่องบินนี้มาก ๆ ผมเลยบอกกับเขาตอนกำลังไปรับเครื่องว่าผมจะบินเครื่องไป เบลเกรด ส่วนคุณก็จะได้บินเครื่องนี้ขากลับมา”

“ผมต้องย้ำว่าเราทั้งคู่เป็นนักบินที่ผ่านการฝึกมา และเป็นกัปตันกันทั้งคู่ อันที่จริง เคน (เรย์เมนต์) มีประสบการณ์บินเครื่องนี้มากกว่าผม”

หลังทีมของ บัสบี้ บินไปปิดศึกถึง เบลเกรด ด้วยผลเสมอ 3-3 (รวมผล 2 นัด ชนะ 5-4) ได้สำเร็จแล้ว ก็เป็นคิวของ เรยเมนต์ ที่จะบินเครื่องพาขุนพล แมนฯ ยูไนเต็ด กลับสู่เกาะอังกฤษ โดยแวะพักที่สนามบินมิวนิค-ไรม์ เพื่อเติมเชื้อเพลิงให้พร้อมบินต่อไปถึงเมืองแมนเชสเตอร์

เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 4 นาทีหลังลงจอด หอควบคุมที่ มิวนิค ให้ไฟเขียวสำหรับการเทคออฟเครื่องบินอีกครั้ง ซึ่งความพยายามขึ้นบินสองครั้งแรกต้องถูกยกเลิกขณะเครื่องกำลังวิ่งอยู่บนรันเวย์ เนื่องจากปัญหาค่าเกจ์ความดันอ่านค่าผิดปกติ ตามด้วยอาการเครื่องยนต์กระตุก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเครื่องบินรุ่นนี้ แต่ก็ทำให้ เธนส์ ตัดสินใจปล่อยให้ผู้โดยสารเข้าไปพักในอาคารของสนามบินระหว่างที่นักบินกำลังสืบหาต้นตอของปัญหากับ บิล แบล็ค วิศวกรของเครื่องต่อไป

และด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บจึงทำให้มีหิมะตกลงมาเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก แบล็ค ผู้กังวลกับอาการกระตุกระหว่างโยกคันเร่ง ได้แนะนำว่าควรให้เครื่องจอดพักข้ามคืนเพื่อตรวจสอบและซ่อมบำรุงเพิ่มเติม

แต่ทาง เธนส์ มองว่าเขาไม่อยากเลื่อนการขึ้นบินให้ล่าช้ามากไปกว่านี้ (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชนักปักหลังทีมปีศาจแดงด้วย) จึงเสนอว่าเขาจะดึงคันเร่งให้ช้าลงกว่าเดิมอีก ซึ่งแปลว่าเครื่องจะต้องวิ่งไปไกลกว่าเดิม ก่อนจะทำความเร็วให้ถึงระดับพร้อมเทคออฟได้ โดยเจ้าตัวมองว่าด้วยระยะทางรันเวย์ที่ยาวกว่า 2 กิโลเมตร มันควรเหลือพื้นที่เพียงพอสำหรับขึ้นบินได้

15 นาทีหลังลงจากเครื่อง ผู้โดยสารทุกคนถูกเรียกกลับขึ้นเครื่องไปอีกครั้ง โดยหนนี้หิมะหนาขึ้นมาในระดับที่ก่อให้เกิดรอยเท้าได้ คือไม่รุนแรงถึงขั้นต้องยกเลิกบิน แต่ก็สร้างความหวาดหวั่นให้กับนักเตะบางคน ที่พูดเล่นกันอย่างขำขันว่า “เอาละพวก เรากำลังจะมาถึงจุดจบแล้ว”

เวลา 14:59 น. เครื่องได้รับอนุญาตให้เข้าสู่รันเวย์เพื่อเตรียมขึ้นบินได้เป็นครั้งที่สาม และตัดสินใจนำเครื่องวิ่งไปเทคออฟตอน 15:03 น. เพื่อให้ทันก่อนหมดเวลาอนุญาตนำเครื่องขึ้นบินในอีก 1 นาทีให้หลัง ซึ่งอาจหมายถึงการต้องหยุดพักอยู่มิวนิคอีกคืนแทน เพราะไฟลต์ 609 เป็นเที่ยวบินสุดท้ายที่จะขึ้นบินในวันดังกล่าวแล้ว

เจ้าหน้าที่วิทยุ บิล รอดเจอร์ส แจ้งศูนย์ควบคุมว่า (ZU คือตัวอักษรสองตัวสุดท้ายของหมายเลขเครื่อง ซึ่งใช้เป็นคำเรียกแทนเครื่อง) ก่อนที่เครื่องจะทะยานออกไปบนรันเวย์

ที่ความเร็ว 85 น็อต เธนส์ เห็นว่าเครื่องยนต์ฝั่งซ้ายกระตุกขึ้นอีกครั้ง เขาจึงผ่อนคันโยกลง ก่อนจะดันให้เดินเครื่องเต็มสูบอีกรอบ จนเมื่อความเร็วแตะ 117 น็อต รอดเจอร์ส ขานว่า “V1” แปลว่าความเร็วตอนนี้เกินขีดจำกัดที่ยกเลิกการขึ้นบินได้แล้ว ตามด้วย “V2” ซึ่งเป็นความเร็วขั้นต่ำสำหรับการเทคออฟ ที่ควรแปลว่าเครื่องทำความเร็วได้ถึง 119 น็อตแล้ว

อย่างไรก็ตามความเร็วกลับลดลงมาจาก 117 และ 112 ก่อนจะดรอปลงมาเหลือแค่ 105 น็อตเท่านั้น

เรย์เมนต์ ตะโกนทันทีว่า “พระเจ้า เราทำไม่ได้แน่” ในขณะที่ เธนส์ มองขึ้นไปเห็นหิมะปกคลุมมากมาย ตามด้วยบ้านคนและต้นไม้ในเส้นทางที่เครื่องบินกำลังแล่นไปหา เจ้าตัวพยายามดึงคันโยกกลับมา พร้อมกับดึงล้อขึ้น เพื่อหวังให้เครื่องชะลอมาหยุดได้ทันเวลา ซึ่งไม่เป็นผล

“ผมเห็นว่าเรากำลังหมุนไปทางขวา และทราบดีว่าเราต้องชนแน่ ๆ ผมจึงก้มหัวลงและรอรับแรงกระแทก … เราหมุนเคว้งไปมาก่อนที่เครื่องจะหยุดนิ่ง มันเต็มไปด้วยเสียงชวนสยอง ก่อนจะตามมาด้วยความเงียบ” เธนส์ ระลึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายของเขา

 

UFABETWIN

 

ล้างมลทิน

มีผู้เสียชีวิตรวม 23 รายจาก 44 คนบนเครื่อง ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีนักเตะ 8 คนที่หมดลมหายใจจากเหตุการณ์นี้ (7 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อีก 1 คนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล) และอีก 2 คนที่อาการบาดเจ็บจนทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกเลย

แม้จะมีชีวิตรอดมาได้ แต่ กัปตันเธนส์ ก็เหมือนตายทั้งเป็น เขาสูญเสีย เรย์เมนต์ เพื่อนร่วมงานของเขาที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล และได้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ที่ฆาตกรรมเหล่า “บัสบี้ เบ็บส์” โดยรายงานอุบัติเหตุฉบับแรกจากทางการ เยอรมนีชี้เป้าผลสอบสวนว่าเป็นความผิดของ เธนส์ โดยตรง

“เครื่องบินถูกปกคลุมด้วยหิมะหนากว่า 8 เซนติเมตรที่ควรถูกนำออกไปก่อนขึ้นบิน” คือคำกล่าวในรายงานดังกล่าว ที่มาพร้อมกับภาพถ่ายจากแฟนบอลในสนามบิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีสิ่งสีขาว ๆ ปรากฏอยู่เหนือปีกคล้ายกับเป็นน้ำแข็งดั่งคำกล่าวอ้าง

เนื่องจากการละลายน้ำแข็งเป็นหน้าที่ของกัปตัน เธนส์ จึงต้องรับแรงกระแทกไปเต็มรูปแบบจากรายงานข้างต้น เจ้าตัวโดนไล่ออกจากสายการบินในวันคริสต์มาสปี 1960 จากการเปลี่ยนที่นั่งกับผู้ช่วยกัปตันในไฟลต์ดังกล่าว ซึ่งเป็นการละเมิดกฎของสายการบิน และเจ้าตัวต้องต่อสู้กับมรสุมต่าง ๆ ที่รุมล้อมอยู่รอบตัวเขา

ภรรยาต้องเปลี่ยนงานใหม่ ในขณะที่ลูกสาววัย 7 ขวบของตนต้องเผชิญกับการถูกบูลลี่และความทุกข์ทรมานต่าง ๆ จากเพื่อนที่โรงเรียน และ เธนส์ ผู้พยายามพิสูจน์ว่าตนเองบริสุทธิ์ จนถึงขั้นเริ่มการสอบสวนด้วยตัวเอง แต่เขากลับถูกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอังกฤษพยายามระงับการสอบสวนดังกล่าว โดย เซอร์ เอลวิน โจนส์ อัยการสูงสุดในขณะนั้นได้พูดไว้ระหว่างการประชุมลับว่า “รายงานที่โจมตีการสืบสวนของเยอรมันจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่สู้ดีสักเท่าไหร่”

การต่อสู้ของ เธนส์ ดำเนินมาถึงยุคของนายกรัฐมนตรี ฮาโรลด์ วิลสัน ผู้ระบุว่า “เธนส์ ถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว” นี่จึงเป็นต้นกำเนิดให้ทางการของสหราชอาณาจักรเปิดการสอบสวนขึ้นมาอีกครั้งในปี 1968 โดยครั้งนี้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมกับวิเคราะห์ตัวรูปถ่ายเจ้าปัญหาดังกล่าวขึ้นใหม่ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของการสูญเสียดังกล่าว

สิ่งแรกที่เป็นการหักมุมครั้งสำคัญคือเมื่อตรวจสอบภาพฟิล์มต้นฉบับแล้ว พบว่าเจ้า “หิมะ” ที่ปรากฏอยู่เหนือปีกคือแสงอาทิตย์ที่สะท้อนลงมายังปีกที่เปียกน้ำ ซึ่งภาพที่ทางการเยอรมนีนำมาใช้เป็นหลักฐานประกอบนั้น มาจากฟิล์มที่ถูกคัดลอกไปแล้ว ซึ่งทำให้คุณภาพของภาพอาจมีความแตกต่างไปจากเดิมได้

หลักฐานดังกล่าวสอดคล้องกับพยานที่เห็นเหตุการณ์ที่ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีน้ำแข็งเกาะอยู่บนปีกเครื่องบิน ซึ่งทางเยอรมันไม่ได้นำพยานเหล่านี้เข้าไปให้ปากคำในการสอบสวนครั้งแรก

และจากการสอบสวนของทางการอังกฤษพบว่าพื้นผิวของรันเวย์ที่เต็มไปด้วยหิมะที่กำลังละลายเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เครื่องบินไม่สามารถเร่งความเร็วจนถึงจุด V2 ที่จะขึ้นบินได้ โดยเฉพาะกับเครื่องรุ่น แอร์สปีดแอมบาสเดอร์ ที่ศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงของเครื่องอยู่ด้านหน้าล้อตัวหลัก ทำให้ไม่สามารถทำความเร็วได้มากพอที่จะเกิดแรงยกปีกให้เครื่องขึ้นบินได้

จากรายงานดังกล่าว เธนส์ ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในทันที แม้เจ้าตัวจะต้องใช้เวลารอคอยนานกว่า 11 ปี และต้องเผชิญกับชีวิตที่แตกสลายจากการถูกตราหน้าในฐานะ “แพะรับบาป” แล้วก็ตาม

และในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ ระหว่างที่เรากำลังระลึกถึงผู้สูญเสียทุกคนบนไฟลต์บินนี้ โปรดอย่าลืมระลึกถึงกัปตันผู้ทำหน้าที่ของตนจนวินาทีสุดท้ายในตำแหน่งของเขา และต้องต่อสู้เพื่อความจริงท่ามกลางห่าพายุของความเกลียดชัง อย่าง เจมส์ เธนส์ ด้วยเช่นกัน

UFABETWIN

UFABETWIN เชลซี พบ แมนฯ ยูไนเต็ด, มาร์ช, สเปอร์ส, คาลเวิร์ต-เลวิน, แชมเปี้ยนชิพ ดาร์บี้

UFABETWIN

UFABETWIN เชลซี พบ แมนฯ ยูไนเต็ด, มาร์ช, สเปอร์ส, คาลเวิร์ต-เลวิน, แชมเปี้ยนชิพ ดาร์บี้

UFABETWIN ปีศาจแดงนั้นยอดเยี่ยม ในขณะที่เอาชนะท็อตแนมที่ ในคืนวันพุธ พวกเขาสร้าง ผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดใน รู้ดีว่านานแค่ไหน ที่จะนำเสนอภาพแวบแรกที่แท้จริง ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดของ ตอนนี้อะไร? ยูไนเต็ดเคยล้อ

เราก่อนหน้านี้เพียง เพื่อย้อนกลับไปสู่ความโกลาหล ที่พวกเขาได้รับมาเป็น เวลานานในยุค หลังเฟอร์กี้ เราจะดูกันที่เชลซี ว่าพวกเขาตั้งใจจะทำ ให้สเปอร์สชนะจุดเปลี่ยนที่ แท้จริงหรือไม่เรา จะไม่เห็นคริสเตียโน โรนัลโด นักเตะวัย 37 ปี ไม่สนใจ

ที่จะเป่านกหวีดสุดท้าย หรือแม้แต่อาบน้ำ ในคืนวันพุธ นั่นให้ความรู้สึก เหมือนเป็นช่วงต้นน้ำในความสัมพันธ์สั้น ๆ ที่ซับซ้อนของโรนัลโด้กับเท็น ฮาก และเขาไม่ได้ ขอโทษอย่างแน่นอน เมื่อได้รับการยืนยันว่าเขาถูกถอด ออกจากทีมชุดใหญ่

เพื่อเดินทางไปสแตมฟอร์ด บริดจ์ถ้าท็อดด์ โบลี ทำได้ โรนัลโด้อาจเป็นปัญหาของเกรแฮม พอตเตอร์ในสุดสัปดาห์นี้ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เจ้านายของเชลซี กลับมีความสุขกับ การเริ่มต้นที่ไร้ดราม่าในการครอง ราชย์เหนือเดอะบลูส์ ความกังวล

หลักของเขา อาจรายล้อมว่าทีม ของเขามีหน้าตา เป็นอย่างไร ชัยชนะของพวกเขา ภายใต้การนำของพอตเตอร์ มาถึงจุดจบที่เบรนท์ฟอร์ด เมื่อวันพุธที่เจ้านาย คนใหม่ขุดลึกลง ไปในกลอุบายยุทธ วิธีของเขาเพื่อจุดประกาย พวกเขาไม่คล่องเท่า

ที่พอตเตอร์ต้องการ แต่พวกเขาเก็บ คลีนชีตได้ห้าครั้งในการเด้งกลับ ยูไนเต็ดจะไม่ได้รับ 28 ช็อตที่พวกเขาได้รับอนุญาต จากสเปอร์สอย่างไม่เห็น แก่ตัวมันจะไม่เป็นหนังระทึกขวัญ มันอาจจะไม่ได้น่าตื่นเต้น ขนาดนั้นก็ได้ แต่มันจะเป็นเรื่อง

ที่น่าสนใจโดยที่ กำลังมองหา ที่จะทำลายสี่อันดับแรกทีมที่น่าจับตามอง – ท็อตแนมในสัปดาห์นี้ท็อตแนมเป็นอึ อาทิตย์หน้าใครรู้บ้าง ? พวกเขาแย่มาก หากเทียบกับ จำเป็นต้อง มีการตอบสนองทันที ในวันอาทิตย์เพื่อหลีกเลี่ยง การพังทลายของ

การมองโลกในแง่ดี ในช่วงต้นฤดูกาลเพิ่มเติม โดยมุ่งไปที่จุดแตกหักโดย การแสดงที่แย่ในเกม ใหญ่มันเกือบจะเป็นซอมบี้ สเปอร์สที่ยอมแพ้ที่ และอันโตนิโอ คอนเต้ก็ไม่แยแสกับ เรื่องทั้งหมด ผู้จัดการไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เลยจนกระทั่งนาทีที่ 82

UFABETWIN

โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาไว้มากกว่าการฟื้นคืนชีพ

เราต้องสมมติว่าเขาค่อนข้างเคลื่อนไหวมากขึ้นตั้งแต่พาผู้เล่นกลับมาที่สเปอร์ส ลอดจ์ นอกจากฮูโก้ ญอริส ทั้งสองทีมแล้ว ไม่มีใครสามารถบ่นได้หากพวกเขาถูกไล่ออกจากการมาเยือนของนิวคาสเซิล ซึ่งคอนเต้อาจกำลังพิจารณาที่จะปรับเปลี่ยน

มากกว่าแค่เอกลักษณ์ของวิงแบ็คของเขาผู้จัดการทีมที่น่าจับตามอง – เจสซี่ มาร์ชในขณะที่เขียน สตีเวน เจอร์ราร์ด ยังอยู่ในงาน เราคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงก่อนวันอาทิตย์ แม้ว่าจะมีรายงานว่าหัวหน้าวิลล่าได้รับสองเกมเพื่อช่วยงานของเขา

แต่ทีมวิลลานส์รู้สึกแย่มากที่ฟูแล่ม ซึ่งการสนับสนุนการเดินทางเรียกร้องหัวของเขาในช่วงครึ่งหลังและแทบไม่ได้ยินเสียงนกหวีดสุดท้ายก่อนที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจะสะท้อนความต้องการ ไม่น่าเชื่อว่าเจอร์ราร์ดจะยังอยู่ในความดูแลของ…

โอ้พวกเขาเพิ่งไล่เขาออก นั่นเป็นการนั่งรถโค้ชที่น่าอึดอัดใจกลับไปที่ จะยังคงเป็นผู้นำลีดส์ในวันอาทิตย์ แต่เขาก็สามารถยืมเวลาได้เช่นกัน ผู้ซื่อสัตย์ของลีดส์ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงระหว่างความพ่ายแพ้ที่เลสเตอร์ แต่พวกเขาต้องการรู้ว่า

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’ นั้นไม่ค่อยห่างไกลจากความคิดของแฟน ๆ ของลีดส์ แต่การที่ชื่อของเขาถูกร้องที่ นั้นค่อนข้างจะชี้ให้เห็นมากกว่าเพลงสรรเสริญทั่วไปสำหรับ ยังดูสิ้นหวังหลังจากที่ลีดส์พ่ายแพ้ในเกมที่หกโดยไร้ชัยชนะ ชัยชนะเหนือเชลซี

นั้นรู้สึกยาวนานกว่าสองเดือนที่ผ่านมาอย่างมาก ความกระตือรือร้นที่แพร่เชื้อออกไปในบางครั้ง ถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศของการลาออกที่ทำให้เขาลาดเอียงลงอุโมงค์โดยไม่ยอมรับแฟน ๆ ของลีดส์เขาจะไม่สามารถซ่อนตัวได้ในวันอาทิตย์

เมื่อฟูแล่มไปที่ถนนเอลแลนด์ การยอมจำนนต่อสุนัขจิ้งจอกที่อ่อนโยนและเลอะเทอะซ้ำแล้วซ้ำอีก และอารมณ์ที่มีต่อ อาจกลายเป็นพิษได้ ผู้จัดการทีมลีดส์ชี้ไปที่นาฬิกาของเขาผู้เล่นที่น่าจับตามอง – กองหน้าทีมชาติอังกฤษกลับมาสายเกินไป

ที่จะเดิมพันเพื่อชิงตำแหน่งฟุตบอลโลก แต่การกลับมาฟิตของแคลเวิร์ต-เลวินนั้นมาในระยะเวลาอันสั้นสำหรับเอฟเวอร์ตัน ได้กระชับขึ้นอย่างน่าประทับใจในฤดูกาลนี้ ระยะที่แล้ว การป้องกันของพวกเขาแย่มาก

UFABETWIN

นับตั้งแต่การเซ็นสัญญากับกองหลังทีมชาติอังกฤษ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ และคอเนอร์ โคอาดี้

มีเพียงห้าทีมที่เสียประตูน้อยกว่า และพวกเขาทั้งหมดอยู่ในแปดอันดับแรกเอฟเวอร์ตันเตรียมที่จะต้อนรับคริสตัล พาเลซสู่กูดิสันในวันเสาร์นี้ ขณะที่กำลังอ่อนกำลังในวันที่ 15 หลังจากแพ้สามเกมหลังสุด ในสองนัดล่าสุด พวกเขาไม่ได้ยิงตรงกรอบ

แม้จะสร้างโอกาสทองสองครั้งก่อนที่จะตามหลังสเปอร์สเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคาลเวิร์ต-เลวินลงเล่นตั้งแต่ออกสตาร์ทเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ที่นิวคาสเซิ่ล ซึ่งเขาอดไม่ได้ที่จะเสิร์ฟอะไรก็ตาม เขาไม่ขออะไรมาก และไม่จำเป็นต้องชี้ชัด นำบอลเข้า

ไปในเขตเขตโทษที่เขาสามารถโจมตีได้เอฟเวอร์ตันไม่ได้เล่นแบบนั้นภายใต้การคุมทีมของแลมพาร์ดในฤดูกาลนี้ เพราะหากไม่มีร่างกายอย่างคัลเวิร์ต-เลวิน มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขา ตอนนี้ด้วยการกลับมาของหมายเลข 9 แม้ว่า

จะเป็นการกลับมาที่เซ่อ ท๊อฟฟี่ก็มีตัวเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงการเล่นของพวกเขาและนำหน้าโปรแกรมการแข่งขันที่ดีก่อนฟุตบอลโลกได้โดยตรงเกม ที่น่าจับตามอง – เซาท์เวลส์และ ดาร์บี้ ดาร์บี้สองแมตช์ให้เลือกในมื้อกลางวันวันอาทิตย์

โดยคาร์ดิฟฟ์จะไปเยือนสวอนซีตอนเที่ยง เมื่อวัตฟอร์ดเป็นเจ้าภาพลูตันหงส์คือทีมเต็งในเซาท์เวลส์ โดยชนะ 5 จาก 6 เกมหลัง คาร์ดิฟฟ์พัฒนาขึ้นตั้งแต่ปลดสตีฟ มอร์ริสันและมาร์ค ฮัดสันผู้ดูแลออกไปได้เจ็ดแต้มจากห้าเกม ดูเหมือนว่า

จะไม่รีบร้อนในการนัดหมายถาวร และชัยชนะที่ จะไปทางใดทางหนึ่งเพื่อให้ ลงจอดเต็มเวลาคู่มือแบบฟอร์มแนะนำว่ามีโอกาสมากกว่าที่จะชนะที่ จะเปิดขึ้น สลาเวน บิลิช ดูแลชัยชนะ 2 นัด และความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวช 3 เกม ในทางกลับกัน

อยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใครในเจ็ด แต่ถึงแม้ว่าจะมี 10 ตำแหน่งระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ นั้นแยกจากกันเพียงสี่คะแนน แชมป์ว่า.เกมยุโรปที่น่าจับตามอง – โรม่า นาโปลี บิ๊กกี้ในอิตาลีในสุดสัปดาห์นี้เห็น พาผู้นำของเขาไปที่เมืองหลวงใน

ขณะที่เขาแสวงหาชัยชนะครั้งแรกเหนือทั้งคู่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เมื่อพวกเขาพบกันทางทีวีในสัปดาห์นี้ – เราต้องการรูปแบบนี้มากขึ้นหลังจากที่พอตเตอร์และโธมัส แฟรงค์ สัมภาษณ์กันและกัน – แต่มูรินโญ่พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษา

อำนาจเหนือหัวหน้านาโปลีเพื่อให้โรม่าอยู่ในจุดที่ผู้กำหนดจังหวะในปัจจุบัน .ขณะที่ทีมแรกไปอยู่อันดับที่สี่ มิลานอันดับสามอาจมองเห็นโอกาส ขณะที่ทีมอันดับสองของอตาลันต้าจะพบกับลาซิโอในอันดับที่ห้าที่อื่นในทวีป สองอันดับแรกพบ

กันในโปรตุเกส เมื่อปอร์โต้เป็นเจ้าภาพเบนฟิก้าในคืนวันศุกร์ ขณะที่ในสเปนผู้นำเรอัลมาดริด จะพบกับเซบีย่าในเย็นวันเสาร์ 24 ชั่วโมงก่อนที่บาร์ซาจะเป็นเจ้าภาพแอ ธ เลติกบิลเบา UFABETWIN

UFABETWIN เรื่องราวจากยอดคน : 14 สิ่งที่คุณควรรู้จากสารคดี “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่มีวันแพ้”

สารคดี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่มีวันแพ้ คือหนึ่งในสารคดีน้ำดีของโลกกีฬา รับประกันโดย 100 คะแนนเต็มจากนักวิจารณ์ของเว็บไซต์

อย่างไรก็ตาม ถึงจะดีมากๆ แต่สารคดีเรื่องนี้กลับไม่โด่งดังนัก ทั้งที่มันเต็มไปด้วยสาระที่จะช่วยให้ทุกคนได้เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, เบื้องหลังความสำเร็จทุกอย่าง และสามารถนำหลักคิดหลายอย่างไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของทุกคน

จึงนำเนื้อหาสาระจากสารคดีชุดนี้ มาสรุปให้ทุกคนได้อ่าน เพื่อเป็นทั้งบทเรียนที่ต่อให้ไม่ใช่แฟนฟุตบอลก็สามารถเรียนรู้ได้ หรือถ้าคุณเป็นแฟนลูกหนัง คุณก็จะหายสงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้รับการยกย่องว่าเป็น สุดยอดผู้จัดการทีมตลอดกาล

(หากคุณอยากดูสารคดีเรื่องนี้ด้วยตัวเอง สามารถรับชมได้ทางสตรีมมิ่งของ HBO GO)

1. การเข้าใจตัวตน และภูมิหลังของนักฟุตบอล คือสิ่งสำคัญของการเป็นผู้จัดการทีม (หรือเจ้านายที่ดีของลูกน้อง)

วิธีการสำคัญของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือการสื่อสารกับลูกทีม นักเตะทุกคนต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการ หรือสิ่งที่อยากได้จากผู้เล่นคนนั้น

แต่ขณะเดียวกัน เฟอร์กูสัน รู้ดีว่านักฟุตบอลทุกคนไม่เหมือนกัน เพราะทุกคนเติบโตมาไม่เหมือนกัน ทุกคนมาจากพื้นเพที่แตกต่างกัน สภาพแวดล้อมที่ต่างกันออกไปของแต่ละคน ส่งผลต่อนิสัยของผู้เล่น และสำหรับยอดคนชาวสกอตต์ ทางเดียวที่จะเข้าใจนักเตะของเขา ก็คือการเข้าใจภูมิหลังของผู้เล่นแต่ล่ะคน

“ผมถามนักเตะทุกคนว่าปู่ของเขาทำอาชีพอะไร? พ่อของเขาทำอาชีพอะไร? เพราะผมต้องเข้าใจถึงความรู้สึกในสิ่งที่ปู่หรือย่าของพวกเขาทำ เพราะสิ่งเหล่านั้นส่งถึงนักเตะแต่ละคน และมันมีความหมายต่อพวกเขา”

“ฟุตบอลคือเรื่องของชีวิต พื้นเพของเราคือสิ่งสำคัญ นักฟุตบอลทุกคนมีตัวตนของตัวเอง” เซอร์ อเล็กซ์ กล่าวในสารคดี

สำหรับยอดผู้จัดการทีมรายนี้ เขาเชื่อโดยสนิทใจว่า หากเขาไม่เข้าใจนักเตะแต่ละคนว่า มีสภาพแวดล้อมภูมิหลังแบบไหน อะไรที่หล่อหลอม และเติบโตให้พวกเขาโตขึ้นมาเป็นคนในแบบที่พวกเขาเป็น เขาก็จะไม่มีทางสร้างสุดยอดนักฟุตบอลแบบที่เขาทำได้

แต่เพราะเขาเข้าใจถึงความเป็นมาของผู้เล่นแต่ละราย ทำให้นักเตะมากมายกลายเป็นดาวดังของโลกลูกหนัง ทั้ง เอริค คันโตน่า, เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลล์, ไรอัน กิ๊กส์ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

2. ความเป็นชนชั้นแรงงาน ส่งผลให้ เซอร์ อเล็กซ์ เป็นนักสู้

เหตุผลที่ เซอร์ อเล็กซ์ เชื่อว่าพื้นเพของคนคือส่วนสำคัญในชีวิตมนุษย์ เป็นเพราะว่ายอดคนชาวสกอตต์เชื่อว่าที่ตัวเขาเป็นแบบทุกวันนี้ก็เพราะรากฐานต่างๆในวัยเด็ก

เซอร์ อเล็กซ์ เติบโตมาจากครอบครัวชนชั้นแรงงาน ที่คุณพ่อทำงานอยู่ในอู่ต่อเรือ ซึ่งเฟอร์กูสันชื่นชมกลุ่มคนทำอาชีพต่อเรือมาก ในฐานะนักสู้ตัวจริง และมันถูกส่งต่อมาสู่ผู้ชายคนนี้ด้วย

การมีชีวิตที่ไม่สุขสบาย ทำให้เฟอร์กี้เป็นนักสู้ตั้งแต่เด็ก ยิ่งประกอบกับการที่เขาอาศัยอยู่ในย่านกัฟเวิน ชุมชนเสื่อมโทรมของเมืองกลาสโกว์ ทำให้เขาต้องสู้กับชีวิตตัวเองเพิ่มขึ้นหลายเท่า

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือทัศนคติทุนนิยมมีต่อชนชั้นแรงงาน กดพวกเขาให้ต่ำเตี้ยจมดิน แต่ผมแค่โชคดี ฟุตบอลช่วยชีวิตผมไว้”

การเป็นชนชั้นแรงงานในสกอตแลนด์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ปัจจัยรอบตัวความเป็นชนชั้นแรงงานของ เซอร์ อเล็กซ์ ในวัยเด็ก ทำให้เขาเป็นคนที่กล้าเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง ไม่หวาดกลัวกับสิ่งใด และเขาภูมิใจกับเรื่องนี้มาโดยตลอด

เพราะสำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ การเป็นคนชนชั้นแรงงานได้มอบทัศนคติสำคัญให้กับเขาสองข้อ นั่นคือ การอดทนต่อความยากลำบาก และ ไม่มีวันยอมแพ้ต่อให้ลำบากแค่ไหนก็ตาม

3. ครอบครัวคือส่วนสำคัญ กับการผลักดันให้ เซอร์ อเล็กซ์ ประสบความสำเร็จ

การมีแรงสนับสนุนจากครอบครัวที่ดี ส่งผลดีต่อชีวิตของมนุษย์เสมอ เช่นเดียวกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หากเขาไม่ได้รับความรักและแรงผลักดันที่ดีจากครอบครัว คงยากที่เขาจะมายืนในจุดนี้

สำหรับเฟอร์กี้ ทั้งคุณพ่ออเล็กซานเดอร์ และคุณแม่อลิซาเบธของเขา ล้วนเป็นบุคคลที่มีความหมายต่อเขาอย่างมากกับการผลักดันให้เขามายืนถึงจุดนี้

คุณพ่อของอเล็กซ์ คือคนสำคัญที่พาให้เขาเข้าสู่วงการฟุตบอล คอยสนับสนุน สร้างระเบียบวินัยต่างๆให้กับลูกชายเพื่อเป็นนักฟุตบอลที่ดี

พ่อของ เซอร์ อเล็กซ์ มองการณ์ไกลให้ลูกชาย ด้วยการไม่ยอมให้เขาเซ็นสัญญาอาชีพกับการเป็นนักฟุตบอล แต่ต้องไปทำงานเป็นช่างทำเครื่องมือเสียก่อน เพื่อเป็นทักษะติดตัวหาเลี้ยงอาชีพ เผื่อเป็นคนค้าแข้งแล้วไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็มีอาชีพติดตัว

ซึ่งสำหรับเฟอร์กูสันแล้ว การได้ทำงานในโรงงานเป็นช่วงเวลาสั้นๆ มันกลับมีความหมายกับผู้ชายคนนี้อย่างมาก เพราะทำให้เขาเติบโต และเข้าใจคนอื่นมากขึ้น

ขณะที่คุณแม่ของ เซอร์ อเล็กซ์ ก็เป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลสำคัญกับตัวเขาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องนอกสนาม

4. เซอร์ อเล็กซ์ สนใจทางการเมืองตั้งแต่เด็ก และสนับสนุนแนวคิดฝั่งซ้าย

ตั้งแต่อายุยังน้อย อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้าใจถึงระบบสังคมที่เขาอาศัยอยู่ สิ่งที่เรียกว่า “ทุนนิยม”, “ชนชั้นแรงงาน”, “ความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น” เขารู้ซึ้งถึงความหมายแก่นแท้ของมัน

นั่นเป็นเพราะเขาได้รับการถ่ายทอดทั้งหมดมาจากคุณแม่ อลิซาเบธ เฟอร์กูสัน หญิงที่เป็นนักสังคมนิยม และเชื่อมั่นในความคิดฝ่ายซ้ายอย่างถึงที่สุด

ซึ่งมันส่งผลมาถึงตัวของ เซอร์ อเล็กซ์ แม้กระทั่งจนถึงปัจจุบัน สิ่งสำคัญที่เขาคิดและเชื่อ คือการต่อสู้เพื่อชนชั้นแรงงาน

อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เผยว่าในช่วงวัยหนุ่มเขาเคยเข้าร่วมการประท้วงร่วมกับเพื่อนพี่น้องชนชั้นแรงงานที่มีอายุไล่เลี่ยกัน และเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดของเขา จนถึงทุกวันนี้ เฟอร์กี้ยังคงยกย่องพวกพ้องชนชั้นแรงงานของเขาไม่มีเปลี่ยนแปลง

5. แม้แต่ยอดคนก็มีวันที่ต้องล้มเหลว และยกธงขาวยอมแพ้

ทุกคนรู้จัก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในฐานะสุดยอดผู้ชนะ ผู้ชายที่เฉียบแหลมในทุกการกระทำ แต่ไม่มีใครที่ชนะได้ตลอด แม้แต่ผู้ชายคนนี้ก็มีวันที่เขาพ่ายแพ้จนอยากจะลืมเหมือนกัน

ในช่วงที่เขาเล่นฟุตบอลกับสโมสร เซนต์ จอห์นสโตน เขาไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามมากนัก จาก 4 ปีที่อยู่กับทีม เฟอร์กี้ได้เล่นแค่ 37 เกม ซึ่งมันทำให้เขาท้อแท้กับการเป็นนักฟุตบอลและเสียศูนย์ในชีวิต ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเขาเริ่มติดเที่ยว ออกไปดื่มเบียร์เพื่อหาความสุขให้ชีวิต

“ผมออกไปเที่ยวทุกคืนวันศุกร์ หรือแม้แต่วันก่อนการแข่งขัน” เซอร์ อเล็กซ์ กล่าว

เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของเฟอร์กูสัน เขาหมดแพชชั่นในการเล่นฟุตบอล สนใจแต่เรื่องเที่ยว แถมทะเลาะกับคุณพ่อจนถึงระดับที่ตัดขาดความสัมพันธ์กันถึง 2 ปี (1961-1963)

“วันหนึ่งผมออกไปเที่ยวจนเมาเละเทะ แล้วก็ไปมีเรื่อง สุดท้ายผมโดนตำรวจจับไปขัง โดนจับขึ้นศาล โดนปรับเงิน ตอนนั้นผมคิดเลยว่า ทำไมผมถึงทำตัวน่าอับอายแบบนี้?”

“ในตอนนั้นผมยอมรับว่าผมจบแล้ว ชีวิตนักฟุตบอลของผมจบเห่แล้ว”

 

UFABETWIN

 

“ช่วงเวลานั้นยังคงติดอยู่ในหัวของจนถึงทุกวันนี้ และผมก็เสียใจกับมันมาตลอด” เซอร์ อเล็กซ์ เล่าถึงบทเรียนที่เขาอยากลืม แต่ไม่มีวันลืม

6. อย่าพลาดโอกาสที่สำคัญ เพราะในชีวิตมันอาจเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว

เฟอร์กี้เคยยอมแพ้ชนิดที่จะทิ้งฟุตบอล เพื่อขอเป็นผู้อพยพไปอยู่ที่แคนาดา และเขาตัดสินใจแกล้งป่วยเพื่อหลอกผู้จัดการทีมของ เซนต์ จอห์นสโตน เพราะไม่อยากเล่นฟุตบอลอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ของเขารู้ทัน และบังคับให้อเล็กซ์ไปขอโทษผู้จัดการทีม ก่อนที่สุดท้ายเขาจะได้รับโอกาสที่ได้มาแบบไหนก็ไม่รู้ นั่นคือจะได้เล่นเป็นตัวจริงเจอกับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส โคตรทีมของประเทศ

สุดท้าย อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กองหน้าโนเนมที่ไม่ใครรู้จัก ยิงแฮตทริคใส่เรนเจอร์ส และเป็นนักเตะคู่แข่งคนแรกที่ทำได้ใน ไอบร็อกซ์ สเตเดี้ยม ของเรนเจอร์ส

เกมนั้นคือเกมเปลี่ยนชีวิตของผู้ชายคนนี้ เขาโด่งดังไปทั่วประเทศ ได้เล่นฟุตบอลต่อไป และที่สำคัญที่สุดเขากลับมาคืนดีกับคุณพ่ออีกครั้ง

เซอร์ อเล็กซ์ ยืนยันว่านี่คือเหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้ ทุกเรื่องหลังจากนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น

7. ใช้ความล้มเหลว เปลี่ยนให้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของการเดินหน้า

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีช่วงเวลาในการค้าแข้งที่ดี เขาร้อนแรงมากจนทีมรักในวัยเด็กของเขา อย่าง กลาสโกว์ เรนเจอร์ส มาเซ็นสัญญาเขาไปร่วมทีม

แต่มันมีปัญหามาตลอด เพราะภรรยาของเขา อย่าง เคธี่ นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิก ซึ่งเป็นของฝั่งทีมคู่ปรับของเรนเจอร์ส อย่าง กลาสโกว์ เซลติก

แม้ว่าตัว เซอร์ อเล็กซ์ จะไม่ได้มีปัญหากับเรื่องนี้ (นับถือนิกายโปรแตสแตนท์) และเขาก็ไม่ได้คิดว่าความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่าง จะมากั้นขวางชีวิตคู่ของทั้งสองคน แต่คนอื่นไม่ได้คิดแบบนั้น

ทั้งผู้บริหาร, ผู้จัดการทีม และแฟนบอล ต่างไม่ชอบที่เฟอร์กูสันมีภรรยาที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายเดียวกับฝั่งของเซลติก ไม่ใช่โปรแตสแตนท์ของเรนเจอร์ส สุดท้ายมันกลายเป็นข้ออ้างสำคัญที่ทำให้เฟอร์กี้ต้องเป็นแพะรับบาปทุกครั้งที่ทีมแพ้ ก่อนจะถูกเขี่ยทิ้งออกจากทีมแบบไม่ไยดี ภายในระยะเวลาอันสั้น

“ผมคิดว่ามันกลายเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผมอยากเป็นผู้จัดการทีม เพราะผมรู้ดีว่าผมทำได้ดีกว่านี้ เพราะผมเติบโตมาแบบนี้ คือห้ามยอมแพ้”

หาก เซอร์ อเล็กซ์ เป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จในวันนั้น เขาอาจไม่มีแรงกระตุ้นให้มาทำงานเป็นผู้จัดการทีม แต่เพราะความล้มเหลว เขาจึงอยากประสบความสำเร็จในอีกเส้นทางหนึ่งที่เขาเชื่อว่าตัวเองทำได้ และเขาทำได้ดีจริงๆเสียด้วย

8. ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

ตอนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รับงานเป็นผู้จัดการทีมของอเบอร์ดีน ในปี 1978 พวกเขาห่างไกลจากการเป็นทีมลุ้นแชมป์ แต่เมื่อเขามาถึง เขาสร้างมาตรฐานให้ทีมทันทีว่า จะต้องขึ้นไปแย่งแชมป์กับเซลติกและเรนเจอร์ส

ในสายตาของครอบครัวหรือนักเตะในทีม เซอร์ อเล็กซ์ คือคนที่บ้าไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เขาเสียสละอะไรไปเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลากับครอบครัว, การทะเลาะกับนักเตะในเกือบทุกวัน แต่ทั้งหมดก็เพื่อทำความฝันของเขาให้เป็นจริง คือเปลี่ยนอเบอร์ดีนเป็นทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดในสกอตแลนด์

สำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ ทุกอย่างเริ่มต้นจากผู้จัดการทีม หรือคนที่เป็นหัวหน้าเสมอ ถ้าผู้นำไม่สามารถสร้างมาตฐานให้กับทีมได้ ก็อย่าหวังที่ลูกทีมจะทำตาม

ที่น่าทึ่งคือผู้ชายคนนี้มองทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ และเขาทุ่มเทเพื่อมัน จนพาอเบอร์ดีนคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย ใน 8 ฤดูกาล รวมถึงแชมป์ฟุตบอลถ้วยยุโรป อย่าง ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ ด้วยการชนะทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ เรอัล มาดริด ไปคว้าแชมป์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อมากๆ

เรื่องราวของ เซอร์ อเล็กซ์ กับอเบอร์ดีน คงได้รับการเล่าขานมากกว่านี้ หากว่าเขาไม่ได้ฝันไกลกว่าเดิม แต่มาถึงจุดหนึ่งผู้ชายคนนี้มีความฝันที่ใหญ่ขึ้นและอยากไปให้ถึง นั่นคือพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังร่อแร่จะตกชั้นในฤดูกาล 1986-87 ให้กลับมาเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษให้ได้ และเรารู้กันดีว่า เขาทำได้สำเร็จ

9. ต่อสู้และยืนหยัดกับอุปสรรค

ผู้คนส่วนใหญ่หากพูดถึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เรามักจดจำที่ความสำเร็จของเขา แต่ตลอดทั้งชีวิตของผู้ชายคนนี้เขาเจออุปสรรคและความล้มเหลวมากกว่าที่ใครจะคาดคิด

ในช่วง 3 ฤดูกาลแรกของเขากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือฝันร้ายบนดินของ เซอร์ อเล็กซ์ ผลงานของทีมไม่กระเตื้องไปไหน ห่างไกลจากการลุ้นแชมป์ ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับสิ่งที่เฟอร์กี้พูดตอนเข้ามารับงานว่าจะพาทีมกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

เฟอร์กูสันยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เขารู้อยู่แล้วว่า การปั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องใช้เวลา เพราะสภาพทีมของที่นี่ย่ำแย่เกินทนไหว แต่ที่นี่คือฟุตบอลอังกฤษ ทั้งแรงกดดัน และความต้องการของแฟนบอล เยอะกว่าที่สกอตแลนด์เป็นหลายเท่าตัว

เขาโดนต่อต้านเยอะมากเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ แฟนบอลในสนามตะโกน “เฟอร์กี้ออกไป” เกือบทุกเกม นิตยสารแฟนบอลด่าเขาแทบทุกฉบับ และที่หนักที่สุดคือ มีโทรศัพท์โทรไปด่าเขาถึงบ้านอยู่ตลอดเวลา

มันเหมือนนรกบนดินของครอบครัวเฟอร์กูสันในเวลานั้น ภรรยา และลูกของเขาไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ มีแต่เพียงคนบ้าชาวสกอตแลนด์ที่ยังเชื่อสุดในว่า เขาจะไม่ยอมแพ้ และเลือกเดินถอยหลัง เพราะเขาประสบความสำเร็จได้ที่นี่

หากวันนั้นเฟอร์กูสันยอมแพ้ ก็คงไม่มีการคืนชีพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เพราะความใจสู้ และเชื่อมั่นในตัวเองที่เปลี่ยนโลกฟุตบอลไปตลอดกาล

 

UFABETWIN

 

10. เชื่อมั่นในแผนการและเดินหน้าไปกับมัน

แค่ความมั่นใจอย่างเดียว ไม่พอจะทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จ เพราะมันต้องมาคู่กับแผนการที่ยอดเยี่ยม มีการวางแผนมาอย่างดี และเชื่อมั่นว่ามันจะออกผลลัพธ์ในแบบที่ต้องการ

สิ่งแรกที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำ หลังจากเข้ามาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือยกระดับเยาวชน เขาสั่งให้เพิ่มแมวมองของสโมสรเพื่อที่จะได้เด็กฝีเท้าดีเข้าสู่ทีมให้ได้มากที่สุด และสร้างผู้เล่นเหล่านั้นให้เป็นอนาคตของสโมสร

สำหรับเฟอร์กี้มีทางเดียวที่จะเปลี่ยนทีมไร้อนาคตให้กลายเป็นโคตรทีมแห่งยุคสมัย คือต้องสร้างอนาคตขึ้นมาเอง ยอมเสียเวลาลงทุนกับระบบเยาวชน และเมื่อมันออกดอกออกผล มันจะยิ่งกว่าคุ้มค่า

สิ่งสำคัญคือไม่ว่าจะเจอผลงานที่ย่ำแย่ หรือช่วงเวลาที่ยากลำบากขนาดไหน เซอร์ อเล็กซ์ ไม่เคยยอมแพ้กับแนวทางนี้ เขาเชื่อว่าการปั้นเยาวชนคือทางที่ใช่ของแมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ แม้ว่ามันเกือบจะทำให้เขาโดนไล่ออกก่อนที่จะได้เห็นมันเป็นจริง

แต่สุดท้าย เมื่อลูกศิษย์ของเขา อย่าง ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, เดวิด เบ็คแฮม, นิคกี้ บัตต์, แกรี่ เนวิลล์, ฟิล เนวิลล์ ได้ก้าวขึ้นมา เขารู้ทันทีว่า ไม่มีอะไรจะหยุดทัพปีศาจแดงได้อีกต่อไป

เพราะเด็กเหล่านี้ มีคุณสมบัติที่เฟอร์กี้ต้องการมากที่สุด นั่นคือมีความจงรักภักดีกับสโมสร และต้องการความสำเร็จไปพร้อมกับทีม ซึ่งก็ได้พิสูจน์ให้เห็นในปัจจุบันแล้วว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คุณไม่สามารถลบความรักที่มีต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกไปจากเด็กปั้นสโมสรเหล่านี้ได้เลย

11. ผู้จัดการที่ดีต้องมองฟุตบอลไม่ใช่แค่เรื่องของฟุตบอล

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นผู้จัดการทีมอารมณ์ร้าย พร้อมด่ากราดลูกทีมไม่ไว้หน้า หากผลงานไม่ถูกใจเขา ซึ่งเขาก็ยอมรับในเรื่องนี้ ไม่เคยปฏิเสธว่าไม่เคยทำ และเชื่อว่าในสิ่งที่เขาทำส่งผลดีให้กับทีม

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะทะเลาะกับนักฟุตบอลเป็นประจำ แต่ทั้งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เป็นผู้จัดการทีมที่ใจร้ายขนาดนั้น แต่ทำไมลูกทีมของเขาถึงยังรัก และเล่นฟุตบอลแบบถวายหัวให้ผู้ชายคนนี้?

เพราะความสัมพันธ์ระหว่าง เซอร์ อเล็กซ์ กับลูกทีมทุกคนเป็นมากกว่าแค่เรื่องฟุตบอลเสมอ เขาไม่เคยดูแค่ว่าลูกทีมซ้อมบอลดีหรือไม่ แต่เขาสังเกตตลอดว่าในสนามซ้อม ลูกทีมแต่ละคนมีปฏิกริยาอย่างไร และเมื่อเห็นความผิดปกติ เขาจะเข้าไปพูดคุยกับผู้เล่นแต่ละคนเสมอ

เฟอร์กี้เปิดประตูกว้างให้ลูกทีมเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิต และพร้อมยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทุกสิ่งที่เขาทำได้ ความสัมพันธ์ของ เซอร์ อเล็กซ์ กับนักเตะภายในทีมจึงไม่ได้เป็นเจ้านายกับลูกน้องเพียงอย่างเดียว (ซึ่งเฟอร์กี้ยืนยันว่า เขาคือหัวหน้าแค่คนเดียวของทีม คนอื่นไม่มีทางจะมามีอำนาจเหนือตัวเขา) แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษาสำหรับบางคน บางคนก็เป็นเหมือนพี่ที่คอยช่วยเหลือ หรือเป็นพ่อที่คอยเลี้ยงดูมาด้วยซ้ำไป

ความสัมพันธ์ที่เป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน ทำให้นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด โกรธเขาไม่ลง ต่อให้ถูกด่าหนักก็ตาม เพราะสุดท้ายทุกคนก็รู้ว่า ผู้จัดการทีมคนนี้หวังดีกับนักเตะทุกคนเสมอ

“เขารู้ตลอดว่าผมต้องการอะไรในเรื่องของจิตใจ เขาคือสุดยอดผู้จัดการทีม” เอริค คันโตน่า กล่าวถึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

“เขาทำให้ผมรู้ว่า การที่เขาให้อิสระมากมายแก่ผม มันคือสิทธิพิเศษขนาดไหน และผมต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะคู่ควรกับมัน นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ผมทำงานหนัก ผมพร้อมทำทุกอย่าง ผมพร้อมจะตายเพื่อเขา” คันโตน่า กล่าว

12.(กลุ่ม) นักฟุตบอลที่เซอร์ อเล็กซ์ ภูมิใจมากที่สุด

สำหรับแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ต้องปฏิเสธเลยว่า กลุ่มนักฟุตบอล มีความสำคัญมากขนาดไหน เพราะนี่คือเด็กปั้นที่เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของสโมสรในฟุตบอลยุคใหม่

แต่กับ เซอร์ อเล็กซ์ นักฟุตบอลเหล่านี้มีความหมายมากกว่านั้น เพราะเด็กๆเหล่านี้คือกลุ่มคนที่เขาใส่ทุกสิ่งทุกอย่างลงไปในแบบที่ตัวเขาอยากให้นักฟุตบอลเป็น และทั้ง 6 คนสามารถทำได้ นั่นคือต่อสู้กับอุปสรรค และไม่เคยคิดจะยอมแพ้

“เบ็คแฮม, กิ๊กส์, สโคลส์, บัตต์, พี่น้องเนวิลล์ พวกเขาถูกฝึกสอนด้วยทัศนคติที่มาจากตัวผม จากที่ที่ผมเติบโตมา นั่นคือเราต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง ต่อสู้เพื่อทีม สิ่งเหล่านี้มันอยู่ในตัวผมมาตลอด และผมอยากเห็นตัวตนของผม ในทีมของผม เพื่อเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของการเสียสละ และความมุ่งมั่น ส่งความรู้สึกของชนชั้นแรงงานไปสู่ผู้คน” เฟอร์กี้ กล่าว

สำหรับเขาแล้ว หากไม่มีเด็กๆเหล่านี้ที่ได้คาแรคเตอร์ทุกอย่างไปจากตัวเขา จนกลายเป็นสุดยอดนักเตะที่ไม่ได้มีดีแค่ฝีเท้า แต่จิตใจของนักสู้ไม่มีวันยอมแพ้ เขาคงไม่ได้แชมป์หลายถ้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1999

13. เซอร์ อเล็กซ์ ยอมแพ้ไปแล้ว ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1999

ยอดผู้จัดการทีมชาวสกอตต์ขึ้นชื่อเรื่องการไม่ยอมแพ้ และไม่พอใจกับความพ่ายแพ้เสมอ แต่ไม่ใช่ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1999 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด พบกับ บาเยิร์น มิวนิค

เฟอร์กี้ยอมรับว่าเขายอมแพ้ไปแล้ว หลังจากเห็นว่าผู้ตัดสินที่สี่ ยกป้ายทดเวลาบาดเจ็บขึ้นมา ด้วยสกอร์ที่ตามหลังอยู่ 0-1 และเขาเลือกยอมรับแต่โดยดีว่า วันนี้ทีมของเขาดีไม่พอที่จะชนะ

“ผมคิดอยู่นานว่าจะพูดอะไรกับลูกทีม และสิ่งเดียวที่ผมพูดได้คือพวกเขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก พวกเขาเล่นได้มหัศจรรย์ตลอดทั้งฤดูกาล และผมภูมิใจในตัวพวกเขามากจริงๆ แค่วันนี้มันไม่ใช่วันของเรา” เซอร์ อเล็กซ์ กล่าวรำลึกความหลังว่า เขาจะทำอย่างไร หากเกมในวันนั้นจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

14. ความสำเร็จในปี 1999 คือจุดสูงสุดของ เซอร์ อเล็กซ์ และเป็นมาตรฐานของทีมตลอดยุคสมัยของเขา

แม้ว่า เซอร์ อเล็กซ์ จะคิดยอมแพ้ในหัวของเขาไปแล้ว เพียงแต่แค่ไม่กี่วินาทีถัดมา เท็ดดี้ เชอริงแฮม ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ทีมปีศาจแดงยิงประตูตีเสมอ พาพวกเขากลับมาอย่างเหลือเชื่อ

และที่เหลือคือประวัติศาสตร์..

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผม นี่คือทีมที่ดีที่สุดของผม ถ้ามองย้อนกลับไป (ความสำเร็จในปี 1999) มันคือจิตวิญญาณของสโมสร และมันอยู่ตรงนั้นมาตลอด จนกระทั่งผมได้ก้าวเดินออกมา”

“ทุกอย่างมันเริ่มต้นในคืนนั้น เพราะว่านักเตะของผมไม่เคยยอมแพ้ มันคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยทำมา” เฟอร์กี้ กล่าว

สำหรับโค้ชชาวสกอตแลนด์ เขาสร้างทีมทุกอย่างหลังจากนั้น ด้วยการหวังเดินตามรอยความสำเร็จในปี 1999 และมันคือสูตรสำเร็จของเขา ทีมยุคหลังๆของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างเดินตามแบบแผนของทีมชุดนี้ ซึ่งสามารถคว้าถ้วยแชมป์ได้อย่างต่อเนื่อง

จะเห็นได้ว่าตลอดยุคสมัยของ เซอร์ อเล็กซ์ เขาขาดนักเตะจากยุค ไม่ได้เลย เพราะคนเหล่านี้คือมาตรฐานของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปี 1999 และยังคงเป็นหัวใจที่จะทำให้สโมสรแห่งนี้ไม่เคยลืมสิ่งที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จตลอดยุคสมัยของผู้จัดการทีมรายนี้

UFABETWIN

UFABETWIN “เชลซี” ไม่ได้มีปัญหาแค่เกมรับ!

UFABETWIN

เมื่อวานนี้เกมที่กูดิสัน ปาร์ค ระหว่างทอฟฟี่ “เอฟเวอร์ตัน” กับรถบัส “เชลซี” จบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน 3 – 1

ส่งผลให้ ลูกทีมของ “โจเซ่ มูรินโญ่” แพ้เป็นนัดที่ 3 ของฤดูกาล แถมกลายเป็นทีมที่เสีย ประตูมากที่สุดใน ลีกตอนนี้ถึง 12 ประตูด้วยกัน

นี้ถ้าไม่ได้บอกชื่อทีม หรือรู้ว่าเป็นแชมป์เก่า ก็ฟอร์มทีมตกชั้นชัดๆ แต่ต้องยอมรับความ เป็นจริงว่าทีม กำลังมี “ปัญหา” และใหญ่ด้วย

เอาแค่ไปนั่งดู เกมเมื่อวานเกมเดียว ก็พอมองภาพ เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น กับยอดทีมจาก เกาะอังกฤษ ที่เพิ่งได้รับการยกย่อง ว่าเล่นแบบ “รถบัสขวางประตู” เกมรับเหนียว แน่นอนมากๆ

ก่อนอื่นเลยถ้า แฟนสิงห์ทั้งหลายรู้ว่า ทีมจะแพ้แบบนี้ คงไม่อยากให้ “โมฮาเหม็ด เบซิซ” เจ็บตั้งแต่นาทีที่ 9 เพราะคนที่ถูกเปลี่ยน ลงมาแทนคือ “สตีเฟ่น เนย์สมิธ” ที่ดันลงมาเป็นฮีโร่ยิงคนเดียวเดียว 3 ประตู ให้กับขุนพลทอฟฟี่

แต่ภาพกว้าง จากการเจ็บของ “เบซิซ” ทำให้ “โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ” กุนซือเจ้าบ้านเปลี่ยน แผนการเล่นจาก 4-3-3 มาเป็น 4-2-3-1 เพื่อให้อิสระกับ “เนย์สมิธ” ในการเล่น เกมรุกมากขึ้น

โดยรูปแบบการบุก ของเจ้าบ้านถ้า ไม่โยนยาวให้ “โรเมลู ลูคาคู” กองหน้าประเภท เอเลี่ยน ถึกทนจากริมเส้น กลางสนาม หรือแทงบอลจากแผง มิดฟิลด์ ก็ให้บรรดามิดฟิลด์ที่ยืนอยู่ต่ำกว่าส่องไกลมันเลย

ซึ่งมีหลายจังหวะที่ทีมเยือน ถูกยิงไกลจน “อัสเมียร์ เบโกวิช” ต้องออกแรง เซฟหลายหน

 

UFABETWIN

 

ทางด้านเชลซีมา ด้วยตัวผู้เล่นก็ชุดใหญ่ เหมือนเดิมยกเว้น ผู้รักษาประตู “อัสเมียร์ เบโกวิช” ที่เป็นตัวสำรองเนื่องจาก “ติโบต์ กูร์กตัวส์” เจ็บยาว

นอกนั้นกองหน้า ตัวเป้าเป็น “ดิเอโก้ คอสต้า” มิดฟิลด์ตัวรุก 3 คนประกอบไปด้วย เปโดร โรดริเกซ ,เชส ฟาเบรกาส และ เอด็อง อาซาร์ มิดฟิลด์ตัวรับมี จอห์น โอบี มิเกล กับ เนมานย่า มาติช

ในขณะที่ เกมรับมี เคิร์ต ซูม่า กับ จอห์น เทอร์รี่ เป็นคู่เซ็นเตอร์และ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กับ เซซาร์ อัสปิลิกวยต้า เป็นแบ็ก

อย่างที่เคยเขียนไปว่า เกมรับของทีมคือปัญห าใหญ่ก็ยังเหมือนเดิม ยิ่งดูเกมนี้เห็นได้ชัดเจน เลยว่ากัปตันเจที คือจุดอ่อนในเกมรับ

ไม่ว่าจะเป็น ความเชื่องช้า การเข้าบอลที่รู้จังหวะ แต่เข้าไม่ทัน หรือการประกบ ตัวที่ตามเบียดแนวรุก ของคู่แข่งไม่ทัน

ส่วน “ซูม่า” ก็ยังไม่ เก๋าพอที่จะประคอง ทีมในช่วงที่สภาพร่างกาย ของเทอร์รี่ถดถอยและฟอร์มตก

นอกจากบรรดากอง หลังที่สุนัขส่ายหัวแล้ว ยังมีบรรดามิดฟิลด์ตัวรับ อย่าง โอบี มิเกล กับ มาติช ที่ไม่สามารถหยุดการ ขับเคลื่อนเกมรุกของคู่แข่งได้เต็มที่จนเปิดช่องให้ถูกลักไก่ยิงไกลหลายหนจน โอบี มิเกล ถูกเปลี่ยนตัวออกไปตั้งแต่ต้นครึ่ง

หลังให้เด็กลงมาเล่นแทน แต่ก็โทษเป็นความผิดของมิดฟิลด์ตัวรับไม่ได้ซะทีเดียว เพราะมีกันอยู่แค่ 2 คน ตามระบบทีม

 

UFABETWIN

 

และบรรดามิดฟิลด์ตัวรุกอย่าง เปโดร, ฟาเบรกาส และ อาซาร์ ที่อาจจะลงมาช่วยเกมรับบ้างแต่ต้องอย่าลืมธรรมชาติของทั้งสามคน ว่าเป็นนักเตะที่ถนัดเกมรุกมากกว่า แถมเกมรุกก็ยังทำได้ไม่ดี

โดยเฉพาะ อาซาร์ ที่ฟอร์มตกฮวบฮาบชัดเจนและ เปโดร ที่ยังอยู่ในช่วงปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษ

ขณะที่กองหน้า ดิเอโก้ คอสต้า มีโอกาสพอสมควรแต่ทำไม่ได้ มีหลายครั้งที่แตะบอลยาวไปหรือแต่งบอลมากจนเสียโอกาส

บวกกับบรรดามิดฟิลด์เกมรุกที่มีปัญหาไม่สามารถสนับสนุนเวลาขึ้นเกมรุกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็เลยไม่มีประตู

ผลการแข่งขันเลยออกมาเป็นแบบนี้ แม้สถิติหลังเกมจะครองบอลมากกว่า แต่ก็ครองบอลแบบไม่มีประโยชน์ แถมโอกาสยิงประตูพอๆ กัน ทางเอฟเวอร์ตันไม่ได้เป็นรองเลย

สุดท้ายเกือบลืม โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือของทีมเห็นปัญหาเหล่านี้ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาลที่เสมอ สวอนซี 2-2 แพ้ คริสตัล พาเลซ นัดที่แล้ว 1-2 แต่ก็ไม่ทำอะไรเลยหรือทำแล้วไม่ได้ผล นั่นคือปัญหาใหญ่ที่สุด

ทั้งนี้ทั้งนั้น “เชลซี” ไม่ได้มีปัญหาแค่เกมรับ แต่มีปัญหาทั้งทีมไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันผู้จัดการทีม!

 

UFABETWIN

UFABETWIN บอลแพ้ … บ้านพัง : โรเบิร์ต มูกาเบ แฟนเชลซีที่ยืนหยัดสนับสนุนปูตินจนลมหายใจสุดท้าย

ในขณะที่ รัสเซีย เดินหน้าบุกโจมตียูเครนจนกลายเป็นประเด็นการเมืองสำคัญของโลก ณ เวลานี้ หลายประเทศคว่ำบาตรและทำทุกอย่างเพื่อให้รัสเซียหยุดทำสิ่งที่พวกเขากำลังลงมือ

ทว่าก็มีหลายประเทศที่พร้อมยืนหยัดเคียงข้างช่วยเหลือรัสเซียหรืออย่างน้อยก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เกี่ยวกับเรื่องนี้ หนึ่งในนั้นคือ ซิมบับเว ชาติจากทวีปแอฟริกา ที่ “งดออกเสียง” ในการลงมติประณามการกระทำของรัสเซียในครั้งนี้ และครั้งหนึ่งเคยมีประธานาธิบดีชื่อว่า โรเบิร์ต มูกาเบ

และนี่คือเรื่องราวของชายที่โลกกล่าวขานว่าเป็น “ทรราช” กับการเชียร์ฟุตบอลในแบบของเขาที่มีการเกี่ยวพันกันทั้งด้านการเมือง อำนาจ และการรักษาเอาไว้ซึ่งตำแหน่งที่เขาไม่อาจปล่อยให้หลุดมือได้

แอฟริกากับฟุตบอล

แอฟริกาคือหนี่งในดินแดนที่มีความคลั่งไคล้ฟุตบอลมากที่สุด เหตุผลประการแรกเพราะฟุตบอลคือกีฬาที่สามารถเป็นตั๋วเบิกทางให้พวกเขาหลีกหนีความยากจนได้ ประการที่สองพวกเขามีฮีโร่จากทวีปแห่งนี้มากมาย และที่น่าแปลกคือชาวแอฟริกัน มักจะมีความเป็น “ชาติพันธุ์นิยม” สูงมาก พวกเขาพร้อมจะรักและบูชานักเตะแอฟริกันคนใดก็ตามที่เก่งกาจให้เป็นฮีโร่ โดยไม่สนว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมาจากสัญชาติใดก็ตาม ขอแค่เป็นแอฟริกันพวกเขาก็จะมีแฟน ๆ ที่นี่หนุนหลังเสมอ

เอ็มมานูเอล อเดบาเยอร์ และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา รักและเชิดชู เอ็นวานโก้ คานู ขณะที่ คานู นั้นก็มีไอดอลเป็น จอร์จ เวอาห์ … พวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสัญชาติ แต่ในทางเชื้อชาติในความรู้สึกของพวกเขา “เราคือแอฟริกันเหมือนกัน” ซึ่งเรื่องแบบนี้เปรียบเทียบง่าย ๆ กับชาติในอาเซียนอย่าง ไทย และ เวียดนาม ที่ต่างฝ่ายพร้อมจะกระหน่ำซ้ำไม่ยั้งและวางตัวเป็นอริกันอย่างชัดเจน

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เรากล่าวขึ้นมาลอย ๆ ชาวแอฟริกันมีความเป็นชาติพันธุ์นิยมสูงมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่แค่กับเรื่องฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังร่วมถึงในบริบทอื่น ๆ ในสังคมแทบทุกเรื่อง และแน่นอนว่าเรื่องนี้มีที่มา…

เว็บไซต์ ได้เขียนบรรยายถึงการเป็นชาติพันธุ์นิยมของชาวแอฟริกันว่า เกิดจากอดีตอันขมขื่นที่ทุกประเทศในทวีปแอฟริกาต่างมีประสบการณ์การถูกกดขี่จากชาติตะวันตกเหมือนกัน เรื่องนี้ทำให้พวกเขาต่างเข้าอกเข้าใจถึงการต่อสู้เพื่ออิสรภาพและเชิดชูคนแอฟริกันที่สามารถเอาชนะการกดขี่ ปัญหาเรื่องสีผิว และชนชั้นจนก้าวไปถึงจุดสูงสุดที่แม้แต่คนขาวก็ยังซูฮกได้ … ไม่ว่าจะสัญชาติอะไรแต่ถ้าทำเช่นนั้นได้คุณจะกลายเป็นฮีโร่ของชาวแอฟริกัน เหมือนกับที่ ดร็อกบา, เวอาห์ และ ซามูเอล เอโต้ ได้รับเกียรตินั้นจากชาวแอฟริกันเสมอ

 

UFABETWIN

 

เรื่องดังกล่าวสัมพันธ์กับการเชียร์ทีมฟุตบอลในยุโรปของชาวแอฟริกัน ด้วยจากการจัดอันดับสโมสรท็อป 5 ในยุโรปที่มีชาวแอฟริกันติดตามมากที่สุด มีถึง 4 ทีมที่มีนักเตะระดับตำนานเป็นชาวแอฟริกันได้แก่ เชลซี ที่มี ดิดิเยร์ ดร็อกบา, อาร์เซน่อล ที่ใช้นักเตะเชื้อสายแอฟริกันมาตลอดโดยเฉพาะในยุค อาร์แซน เวนเกอร์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มี ควินตัน ฟอร์จูน นักเตะที่ดีที่สุดของทีมชาติแอฟริกาใต้เมื่อราวปลายยุค 90s ต่อ 2000s และ บาร์เซโลน่า ที่มี ซามูเอล เอโต้

เมื่อนักเตะแอฟริกันส่งผลถึงการเชียร์ของคนแอฟริกันโดยตรงไม่ว่าจะยากดีมีจนก็ไม่มีข้อยกเว้น นั่นจึงทำให้ทีมโปรดของ โรเบิร์ต มูกาเบ ประธานาธิบดีของประเทศซิมบับเว ที่ได้ฉายาว่า “ทรราช” กลายเป็นทีมที่ติดหนึ่งในสโมสรสุดป๊อปอย่าง เชลซี อีกด้วย

กำเนิดมูกาเบ

คุณสมบัติของคนที่จะได้ปกครองประเทศและอยู่บนหอคอยงาช้างได้นานถึง 42 ปี ควรมีสิ่งใดบ้าง ? … อำนาจ เงินทอง วาสนา บารมี และใด ๆ ก็ตาม ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ โรเบิร์ต มูกาเบ ใช้มันเพื่อพาตัวเองจากลูกชายช่างไม้ในชนบทมาถึงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศซิมบับเว

โรเบิร์ต มูกาเบ เกิดเป็นลูกของช่างไม้ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในซิมบับเว แต่กลับชื่นชอบเรื่องการเมือง การยิ่งอ่านยิ่งศึกษาอย่างตั้งใจทำให้เขาเห็นในบางสิ่งที่คนซิมบับเวมองข้ามมาตลอด นั่นคือการถูกกดขี่จากชนชั้นบน ความตั้งใจของ มูกาเบ ในวัยหนุ่มคือเขาจะต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ให้ได้ หลังจากนั้นเจ้าตัวมีโอกาสได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศแอฟริกาใต้และไปเป็นครูที่ประเทศกานา ก่อนกลับบ้านเกิดมาร่วมตั้งพรรคการเมืองชื่อ ซิมบับเว แอฟริกัน เนชั่นแนล ยูเนี่ยน ในปี 1960

ทุกประเทศที่คนเบื้องบนเอาเปรียบชนชั้นรากหญ้า พวกเขามักจะกลัวคนรากหญ้าที่มีความรู้และกล้าลุกขึ้นสู้เหมือนกับที่ มูกาเบ เป็น … มูกาเบ เดินหน้าปราศรัยโจมตีรัฐบาลซิมบับเวอย่างต่อเนื่อง และหนักหน่วงจนถึงขนาดที่ว่าเขาต้องถูกจำคุกถึง 10 ปี ฐานพูดจายุยงปลุกปั่นในที่สาธารณะมาแล้ว

อย่างไรก็ตามอุดมการณ์ของ มูกาเบ นั้นแน่วแน่ เขาติดคุกครบ 10 ปีและกลับออกมาด้วยสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เขาเริ่มเข้าร่วมกับแนวหน้าคนรักชาติแห่งซิมบับเวต่อต้านรัฐบาล จนกระทั่งที่สุดแล้วประชาชนก็เป็นฝ่ายชนะ มีการไกล่เกลี่ยให้เลิกสู้รบกัน และนำไปสู่การเลือกตั้งในปี 1980 อันเป็นปีที่ซิมบับเวได้รับเอกราช

การแสดงออกของ มูกาเบ ตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมามากพอที่จะทำให้เขาสามารถซื้อใจผู้คนได้อย่างง่ายดาย พรรคของ มูกาเบ คว้าชัยในการเลือกตั้งอย่างขาดลอย และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศตามที่เขาตั้งใจ

ในช่วงสมัยแรก ๆ มูกาเบ พัฒนาหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อประชาชนจริงดังที่กล่าว แต่หลังจากยุค 90s เป็นต้นมาความนิยมของเขาก็เริ่มเสื่อมถอย เพราะเขานำพาประเทศเข้าสู่วิกฤตเงินเฟ้อขั้นรุนแรงชนิดที่ว่าต้องขนเงินใส่รถเข็นเพื่อนำไปซื้อน้ำอัดลมสักขวด นอกจากนี้ยังมีเรื่องการทหารและการต่างประเทศประกอบกันมากมาย ทำให้ประชาชนเริ่มจะหันไปมองตัวเลือกอื่นนอกจากเขา

ทว่าสำหรับ มูกาเบ มันเหมือนอ้อยเขาปากช้าง เขาเชื่อว่ายังมีกลุ่มคนที่รักเขา และการอยู่ ณ จุดสูงสุดของประเทศคืออำนาจที่เขาไม่อาจจะยอมเสียไปได้ มูกาเบ จึงใช้กุลอุบายต่าง ๆ ในการเลือกตั้งปี 2002 ทั้งการโกงและการใช้ความรุนแรงข่มขู่ ซึ่งที่สุดแล้วแม้เขาจะชนะเลือกตั้งได้ แต่ ณ ตอนนี้อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปแล้ว

ซิมบับเว เข้าสู่ปัญหาหลายด้านทั้งการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ ผู้คนทุกชนชั้นโดยเฉพาะชนชั้นรากหญ้าที่เขาเคยสัญญาว่าจะช่วยเหลือได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ แต่เพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจ มูกาเบ ยอมทำทุกอย่างเพื่อกำจัดคู่แข่งที่เป็นเสี้ยนหนามที่ส่งผลต่อเขาจนหมดเกลี้ยง เหลือเพียงอำนาจเบ็ดเสร็จที่เขาแทบจะชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ในประเทศ

เรื่องนี้สื่อระดับโลกอย่าง ยังเคยเขียนบทความเกี่ยวกับเขาที่ใช้ชื่อว่า “โรเบิร์ต มูกาเบ จากฮีโร่สู่ทรราช” มาแล้ว จุดนี้มันแสดงให้เห็นว่าเขาทำทุกอย่างเพื่ออำนาจและพยายามดึงความนิยมกลับมาให้ตัวเองมากแค่ไหน ใครก็ตามที่เป็นที่รักของประชาชนหรือว่าง่าย ๆ เป็นคนที่รับบทฮีโร่ของประเทศ มูกาเบ จะเข้าหาคน ๆ นั้น เพื่อดึงมาเป็นพวกเดียวกับเขาให้ได้ … หนึ่งในนั้นคือ เบนจานี เอ็มวารูวารี นักฟุตบอลตำแหน่งกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติซิมบับเว ที่เคยเล่นให้กับสโมสรในพรีเมียร์ลีกอย่าง พอร์ทสมัธ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแล้ว

มูกาเบ, เชลซี และ ปูติน

การเข้าหานักกีฬาที่เก่งและดังที่สุดในประเทศคือสิ่งที่ผู้นำของทุกประเทศทำกันมาเสมอ เพราะมันจะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้ แม้ว่าบางครั้งพวกเขาอาจจะคิดไปเองก็ตาม

ในช่วงปี 2012 ที่ มูกาเบ เข้าพบนักเตะทีมชาติซิมบับเวนำโดย เบนจานี เขาได้พูดคุยกับกับ เบนจานี อย่างออกรสผ่านสื่อว่าเขานั้นชอบทีมเชลซีเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะตบท้ายว่าได้ติดตามฟอร์มการเล่นของ เบนจานี มาตลอดเวลา และบอกว่าเขาคือแฟนบอลพันธุ์แท้มากกว่าที่ใครหลายคนคิด

“ผมชอบดูและติดตามผลงานคุณตลอดเลยนะ รวมถึงทีมอย่าง เชลซี และ บาร์เซโลน่า ด้วย ผมชอบมาก ๆ เลย” เว็บไซต์ อ้างอิงคำพูดที่ มูกาเบ พูดกับ เบนจานี

“เมื่อผมดูฟุตบอลที่บ้านจะไม่ชอบให้ใครมากวน แม้แต่ภรรยาของผมก็ยังรู้ตัวว่านี่คือเวลาที่เธอควรไปนั่งอยู่ที่ไหน เพราะจังหวะลุ้นหวาดเสียวต่าง ๆ ผมจะเตะเท้าเตะทุกอย่างที่ขวางหน้าพังเสียหลักหมด”

จากนั้น มูกาเบ ก็บอกว่าตัวเขาสนิทกับนักเตะแอฟริกันที่เล่นในพรีเมียร์ลีกหลายคนอย่าง เอล ฮัดจิ ดิยุฟ (ลิเวอร์พูล, โบลตัน และ ลีดส์) จอห์น เพนต์ซิล (เวสต์แฮม, ฟูแล่ม) และ เอ็นวานโก้ คานู (พอร์ทสมัธ, อาร์เซน่อล) ก่อนที่เขาจะตบเข้าเรื่องสำคัญของการเชิญชวน เบนจานี มาในวันนี้ … ได้เวลาประชาสัมพันธ์แล้ว

“เราจะผลักดันทุกคนที่รักฟุตบอลยิ่งกว่านี้ เพราะตอนนี้ต่อให้คุณเล่นฟุตบอลทั้งวันทั้งคืนมันก็ไม่ได้ทำให้คุณมีกินมีใช้ขึ้นมาหรอก แต่หลังจากนี้แหละเราจะใช้กีฬาเป็นปัจจัยในการดำรงและยังชีพของเด็ก ๆ ที่ซิมบับเว” มูกาเบ ว่าไว้เช่นนั้น

นอกจากการเชียร์เชลซีตามคำบอกเล่าของตัวเขาเองแล้ว มูกาเบ ยังมีเหตุผลที่เขาชื่นชอบทีมดังจากลอนดอนทีมนี้มากกว่าเรื่องของนักเตะแอฟริกันอีกด้วย สิ่งนั้นคือความสัมพันธ์ที่เขามีต่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของประเทศรัสเซียคนปัจจุบันนั่นเอง

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกันแน่นอน มันไม่ใช่แค่เรื่องของชาตินิยมตามที่ได้กล่าวเอาไว้ในข้างต้นอย่างเดียว มูกาเบ นั้นถือเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนแนวคิดของ ปูติน เสมอมา และซิมบับเวก็เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซียตลอดการปกครองของเขา

 

UFABETWIN

 

และที่มันเกี่ยวกับเชลซีคือบังเอิญว่า โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซี (ที่ปัจจุบันนับเวลาถอยหลังลงทุกที) นั้นก็ถือเป็นคนสนิทของ ปูติน ซึ่งตัวของ มูกาเบ ก็เคยเดินทางไปยังรัสเซียและเข้าร่วมประชุมกับ ปูติน พร้อม ๆ กับกลุ่ม หรือกลุ่มมหาเศรษฐีที่มีความสนิทชิดเชื้อกับปูตินและมีผลประโยชน์ร่วมกัน

ในห้องประชุมที่เครมลิน วันนั้นเป็นวันที่รวมเหล่าบิ๊ก ๆ ของรัสเซียไว้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา มีการถอดคำพูดของ มูกาเบ ในวันนั้นโดย เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลรัสเซียว่า

“เมื่อประเทศของเราเฉลิมฉลองอิสรภาพในปี 1980 เรายกย่องการสนับสนุนของสหภาพโซเวียตและจีน ผู้ช่วยเราในการปลดปล่อยซิมบับเว”

“แม้ ณ เวลานี้สหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วแต่รัสเซียยังเดินหน้าต่อไป รัสเซียซึ่งเป็นแกนหลักของสหภาพโซเวียตได้ยืนหยัดต่อต้านแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปซึ่งกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศของคุณแบบไม่เกรงกลัว”

“เราเองก็เช่นกัน สมัยอดีตชาวซิมบับเวต่อสู้กับจักรวรรดินิยมอังกฤษ และเราต้องยึดที่ดินของเราคืนจากชาวนาชาวอังกฤษเพื่อความถูกต้อง แต่หลังจากนั้น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และสหราชอาณาจักรก็กำหนดมาตรการควํ่าบาตรกับเรา”

“ตอนนี้คุณกำลังต่อสู้กับการคว่ำบาตรและพวกเราก็เช่นกัน สหรัฐอเมริกาคือยอดพีระมิดของจักรวรรดินิยม ตามด้วยยุโรป ด้วยเหตุผลนี้เราต้องทำงานร่วมกัน และมันทำให้เรามีความสุขมากขึ้นหลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (การฉลองครบรอบ 70 ปีแห่งชัยชนะในมหาสงครามแห่งความรักชาติ) ที่แสดงให้เห็นการเติบโตของรัสเซียไปสู่ความยิ่งใหญ่”

มูกาเบ ได้รับอิทธิพลจากหลายทางเหลือเกินในการเชียร์ทีมเชลซีของเขา และมันดูจะพอดีไปเสียหมด ทั้งการเคยเป็นนักฟุตบอลเก่า (ตามคำกล่าวอ้าง) การใช้นโยบายกีฬาสร้างงานสร้างอาชีพ การสนิทชิดเชื้อนักเตะแอฟริกันแถวหน้า และแน่นอนที่สุดคือการสวามิภักดิ์ต่อรัสเซีย ปูติน และทีมงาน

ว่าง่าย ๆ ก็คือ โรมัน อบราโมวิช กับ โรเบิร์ต มูกาเบ ต่างก็มีความสัมพันธ์และผลประโยชน์ที่แนบแน่นและกินเวลามายาวนานกว่า 20 ปีเหมือนกัน เพียงแต่ว่าอาจจะแตกต่างกันในแง่ของรูปแบบผลประโยชน์

เพราะ โรมัน อบราโมวิช ได้ช่องทางการทำธุรกิจและการสร้างอำนาจขึ้นมา ขณะที่ มูกาเบ นั้นมีรัสเซียและปูตินเป็นพี่ใหญ่คอยกันพวกเขาจากสหประชาชาติที่จะต้องการให้ มูกาเบ ออกจากตำแหน่งและคืนอำนาจให้ประชาชนซิมบับเวอย่างแท้จริง

แม้ฉากจบบนเส้นทางอำนาจอาจไม่ถึงกับสวยงามนัก เมื่อ มูกาเบ ถูกกองทัพซิมบับเวก่อรัฐประหารเมื่อปี 2017 แต่บารมีของเขาก็มากพอที่จะทำให้เขาสามารถเลือกฉากจบที่สวยงามสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ … มูกาเบ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี พร้อมส่งมอบอำนาจต่อให้ เอ็มเมอร์สัน มนังกากวา อดีตลูกน้องคนสนิทที่หันมาแว้งกัดเขาในฐานะหนึ่งในแกนนำการรัฐประหาร และเป็นผู้นำต่อมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนตัว มูกาเบ ใช้ช่วงเวลาที่เหลือของชีวิตไปกับการรักษาตัว จนเสียชีวิตเมื่อปี 2019 ที่ประเทศสิงคโปร์ ก่อนมีพิธีศพอย่างสมเกียรติเยี่ยงรัฐบุรุษ แม้การเชียร์เชลซีอาจจะเป็นแค่ความชอบส่วนตัวและแนวคิดแบบชาตินิยมสไตล์แอฟริกัน แต่ทั้งหมดนี้ก็มีส่วนเล็ก ๆ ที่เกี่ยวพันและร้อยต่อเขาด้วยกันที่ช่วยเป็นเหตุผลว่า ทำไม มูกาเบ ถึงเชียร์ทีมเชลซี และกลายเป็นสหายรู้ใจที่ วลาดิเมียร์ ปูติน พร้อมสนับสนุนทุกทางจวบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

UFABETWIN